Chatbot ผู้ช่วยทางเลือก เทรนด์ใหม่ของการขายของออนไลน์

Chatbot ผู้ช่วยทางเลือก เทรนด์ใหม่ของการขายของออนไลน์ จะใช้แชทบอทอย่างไร ในยุคท่ี่ลูกค้าบอกว่า “รอ” ไม่ได้ 

ปัจจุบัน Messaging Application ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับการสื่อสารในชีวิตของเราเป็นส่วนใหญ่ เราอาจได้ใช้งานกันมานานแล้ว แต่ตอนนี้เราอาจจะไม่ได้แค่คุยกับคนเป็นๆเพียงอย่างเดียว Chatbot จะมาเป็นคู่สนทนาที่สามารถตอบโต้กับผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง ผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น โปรแกรม WhatsApp, WeChat, Facebook Messenger , Snapchat, Telegram ฯลฯ

ในยุคดิจิทัลที่ผู้คนสามารถเข้าถึงโซเชียลได้อย่างง่าย พฤติกรรมของผู้ใช้บริการต้องการความรวดเร็วในการจับจ่ายใช้สอย โดยที่ไม่มีข้อจำกัดทางด้านของเวลาในการซื้อขายสินค้าและบริการ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เร่งให้ธุรกิจต้องปรับตัว ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างทันท่วงที  เทคโนโลยีที่ได้ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยให้ธุรกิจปรับตัวในทิศทางคือ Chatbot ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ได้พัฒนาเป็นอย่างมาก และได้ถูกนำมาใช้แพร่หลาย โดยเฉพาะธุรกิจด้านการบริการ ซึ่งก็รวมถึงภาครัฐด้วยเช่นกัน

Chatbot คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จำลอง บทสนทนาของมนุษย์ ที่สามารถสื่อสารผ่านข้อความหรือเสียงได้แบบ Real Time แปลความหมายก็ง่ายๆ ก็คือ “หุ่นยนต์ช่วยแชท” หรือก็คือโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาสำหรับงานโต้ตอบบทสนทนาในแชทโดยเฉพาะ ซึ่งตัวโปรแกรมนี้จะถูกฝังตัวอยู่บน Server หรือ Application หรือโปรแกรม chat ต่าง ๆ ในปัจจุบัน Chatbot นั้นมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ

– Rule-Based Bot หรือ Script Bot เป็น Bot ที่ทำงานและให้ผลลัพธ์ตามที่ถูกกำหนดในกฎและคีย์เวิร์ดที่วางไว้ หากผู้ใช้งานพิมพ์ผิด หรือถามไม่ตรงกับสคริปหรือคีย์เวิร์ดที่กำหนดไว้ จะไม่สามารถตอบคำถามหรืออาจให้คำตอบที่ผิดพลาดได้

– AI-Base Bot หรือ Intelligent Bot เป็น Bot ที่ถูกพัฒนาด้วย Natural Language Processing (NLP) ซึ่งจะมีการเรียนรู้ในคำพูดและสิ่งที่เขียน โดยใช้ Machine Learning อย่าง AI ทำให้การแสดงผลลัพธ์มีความยืดหยุ่นมากกว่า Rule-Based Bot ส่งผลให้ AI Bot ได้รับความสนใจและความนิยมจากผู้ใช้เป็นอย่างมาก ตัวอย่างของ Chatbot ประเภทนี้ได้แก่ Google Assistant , Siri หรือ Alexa เป็นต้น

หัวใจหลักของทั้งสอง Chatbot ก็คือ ผู้ให้บริการ Chatbot จะต้องมีข้อมูลในปริมาณมากพอ ที่จะสร้างการเรียนรู้ให้เครื่องจักร ให้ได้รับรู้ถึงบทสนทนาในรูปแบบต่าง ๆกันออกไป รวมถึงจะต้องออกแบบคำถามที่มีความชัดเจนโดยไม่ทำให้ผู้ใช้บริการสับสน ก็จะทำให้ Chatbot ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การทำ Chatbot นั้นจะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่แน่นอนว่ายังจำเป็นต้องศึกษาหลักการทำงานของมันและการออกแบบ Chatbot ให้สามารถตอบสนองความต้องการเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ซึ่งนั้นก็สามารถทำให้การบริการของหน่วยงานมีผู้ช่วยอัจฉริยะที่จะรับมือกับการติดต่อของผู้รับบริการได้ตลอดเวลา

  • ช่วยวิเคราะห์เเละปิดการขาย แชทบอทสามารถวิเคราะห์ความตั้งใจ ได้ไม่เเพ้มนุษย์ แถมยังตัดสินใจได้อีกด้วยว่า ลูกค้าต้องการอะไร เพื่อให้สามารถปิดการขายได้ในที่สุด
  • เพิ่มความพีงพอใจให้กับลูกค้า ตอบทันทีไม่งอเเง จะดึกเเค่ไหน ก็ตอบรับด้วยความเป็นมิตรเสมอ ไม่เหวี่ยงวีนเป็น เป็นมนุษย์น่ารัำคาญ แถมยังรายงานผลลัพธ์การขายในแต่ละวันให้เราได้ทราบแบบเรียลไทม์อีกด้วย
  • ประหยัดทั้งเงิน และเวลา ไม่ต้องจ้างเเอดมินให้เป็นค่าใช้จ่ายประจำในเเต่ละเดือน ค่าบริการไม่เเพงเท่าที่คิด ประหยัดเวลาที่จะต้องมาตอบเเชทซ้ำ ทำให้เหลือเวลาไปพัฒนาธุรกิจอย่างอื่นต่อ
  • ช่วยเพิ่มฐานข้อมูลลูกค้า เราสามารถใช้แชทบอทในการเก็บข้อมูลลูกค้าทั้งที่สนใจ เเล้วทำการสั่งซื้อจริง
  • ลดข้อผิดพลาดต่างๆ และเสียงบ่น เเน่นอนว่าเจ้าเเชมบอกทของเราเนี้ยตอบลูกค้าทันที ไม่หงุดหงิดที่จะต้องตื่นมาตอบลูกกลางดึกเเน่นอน
  • ตอบคำถามได้อย่างละเอียด แชทบอทนั้นเรียนรู้ข้อมูลที่เราให้เรียนรุ้ได้อย่างครบถ้วน ข้อมูลยิ่งละเอียด เเชทบอกทก็จะยิ่งตอบได้ดีขึ้น

เเล้วถ้าเพื่อนๆอยากจะลองเล่น Chatbot ก็สามารถ Add line : @powersmethai
ได้เลยจะมีน้องบอทคอยในบริการเพื่อนๆอยู่ สามารถเข้าไปพูดคุยปรึกษาขอคำเเนะนำเกี่ยวกับธุรกิจ SME ได้เลย

ที่มา https://www.ops.go.th

กดติดตาม เพจ ศูนย์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี และตั้งค่า See First เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ เรื่องราวแรงบันดาลใจ และบทวิเคราะห์ดี ๆ อัปเดททุกวัน คัดสรรมาเพื่อเจ้าของธุรกิจโดยเฉพาะ