เมื่อโควิดไม่ได้ทำร้ายแค่กาย แต่กัดเซาะไปถึงสุขภาพจิต…
ช่วงนี้ไม่ว่าจะเปิดทีวี โซเชียลมีเดีย หรือคุยกับคนข้างบ้าน หัวข้อก็ไม่พ้นเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ที่น่าเป็นห่วงขึ้นทุกวัน ยิ่งฟังก็ยิ่งเครียด รู้ตัวอีกทีอาจสะสมจนเกินระดับความเครียดทั่วไป ไปสู่อาการผิดปกติที่เรียกว่า “Headline Stress Disorder”
อ่านข่าวมากไป เสี่ยงเสียสุขภาพจิต
“Headline Stress Disorder” คือความตึงเครียดที่เกิดจากการเสพข่าวเรื่องใดเรื่องหนึ่งซ้ำ ๆ มากเกินไป โดยเฉพาะบนโซเชียลมีเดียที่เปิดให้คนอ่านข่าวได้ตลอด 24 ชม. จนเกิดเป็นความกังวลจนเกินพอดี หรือที่เรียกว่าอาการ Panic นั่นเอง ในรายที่อาการหนักอาจส่งผลกับสุขภาพกายและพฤติกรรมได้ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ได้ออกมาเตือนให้คนดูแลสุขภาพจิตควบคู่กันไปด้วยในช่วงระบาดของโควิด-19
กลุ่มคนที่เสี่ยงเป็น Headline Stress Disorder
- เด็ก วัยรุ่น
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ หรือป่วยเรื้อรังอย่างอื่นอยู่ก่อน
- ผู้ที่ต้องทำงานในจุดเสี่ยง เช่น หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สนามบิน
- ผู้ที่มีอาการป่วยทางจิตอย่างอื่นอยู่ก่อน หรือคนที่ใช้สารเสพติด
อาการของ Headline Stress Disorder
- กังวลรุนแรงเกี่ยวกับสุขภาพองตัวเองและคนที่รัก
- นอนไม่หลับ กินไม่ลง หรือความอยากอาการน้อยลง
- คิดว่าตัวเองป่วย รู้สึกตัวร้อน ไอ คัดจมูก ซึ่งที่จริงอาจคิดไปเองหรือเกิดจากสาเหตุอื่น
- ระแวงว่าทุกคนรอบข้างป่วย ตัดขาดจากโลกภายนอกจนเกินพอดี
- หมกมุ่นความสะอาดมากเกินไป ล้างมือแทบจะตลอดเวลา ไม่กล้าหายใจลึก ๆ
- ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้เหมือนปกติ
- ปวดหัวหรือร่างกายเหนื่อยล้าแบบไม่ทราบสาเหตุ
- ในวัยรุ่นอาจแสดงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดผิดปกติ
วิธีป้องกัน Headline Stress Disorder
- อย่าอ่านข่าวทั้งวัน พักจากหน้าจอบ้าง หรืออาจตั้งเวลากับตัวเองว่าจะอัปเดตข่าวแค่ตอนเช้ากับตอนเย็นเท่านั้น
- อย่าอ่านแต่พาดหัวข่าว ให้อ่านเนื้อหาข้างในด้วย เพราะพาดหัวข่าวส่วนมากมักเขียนให้น่าตกใจเกินความจริง ต้องอ่านทั้งหมดแล้วพิจารณาข้อมูลอย่างมีสติ
- อ่านข่าวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ อ่านด้วยวิจารณญาณ หากฟังเขาเล่ามาก็อย่าเพิ่งเชื่อในทันที
- ทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ทำอาหาร ทำงานฝีมือ
- ดูแลสุขภาพ ทานอาหารดี ๆ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ
- ใช้เวลากับคนในครอบครัวให้มาก หมั่นสังเกตสภาพจิตใจคนใกล้ตัว คอยให้กำลังใจกันและกัน
- คิดเชิงบวกเอาไว้ เชื่อมั่นไว้ว่าถ้าเราดูแลตัวเองและคนในครอบครัวให้ดี ล้างมือบ่อย ๆ สวมหน้ากากอนามัย ไม่ไปในที่คนแออัด ก็จะปลอดภัยจากโรคได้ และโควิดไม่ใช่ว่าติดแล้วจะต้องตาย สามารถรักษาหายได้ในเวลาไม่นาน
สถานการณ์แบบนี้ สุขภาพใจเราอาจอ่อนแอได้ยิ่งกว่าสุขภาพกาย เพราะไวรัสนั้นเราพอจะเอาตัวหลบได้ แต่ความเครียดมันยังแทรกซึมเข้ามาได้ทุกวินาทีที่ลืมตาตื่น Power SME Thai ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ทุกภาคส่วน และทุกประเทศ ผ่านวิกฤตนี้ไปอย่างราบรื่นได้ ด้วยร่างกายและจิตใจที่แข็งแกร่งครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก WHO, CDC, CBC