นักศึกษาฝึกงานฟันเฟืองตัวเล็กที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรมากกว่าที่คิด

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่องค์กรธุรกิจจะมีนักศึกษาฝึกงานตบเท้าเข้ามาฝึกงานในแต่ละปี เพื่อฝึกปรือฝีมือและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตามสาขาวิชาที่เรียนมา แต่ถามที่น่าคิดคือแท้จริงแล้วธุรกิจของคุณมีจุดประสงค์หรือคาดหวังอะไรจากเด็กเหล่านี้ คนชงกาแฟ พนักงานถ่ายเอกสาร คนช่วยเดินเอกสาร แค่นั้นหรือเปล่า

แต่คุณรู้ไหมว่าเด็กเหล่านี้มีศักยภาพมากกว่าที่คุณคิด เพราะถ้าคุณให้ความสำคัญกับที่จะสอนงานนักศึกษาฝึกงานอย่างจริงจัง มันจะเกิดข้อดีสำหรับองค์กรอย่างไม่น่าเชื่อโดยเฉพาะธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กวัยรุ่น หรืองานที่ต้องการไอเดียใหม่ๆ แล้วล่ะก็อย่าได้ละสายตาจากเด็กเหล่านี้

เพราะการที่บริษัทไม่ให้ความสำคัญกับนักศึกษาฝึกงานรับเข้ามาเพียงเพราะเป็นนโยบาย นอกจากจะทำให้เด็กไม่ได้เรียนรู้การทำงานจริง ๆ แล้ว บริษัทเองก็อาจไม่ได้เห็นศักยภาพ หรือพลาดโอกาสดี ๆ มาดูกันว่าสิ่งที่องค์กรจะได้รับจากเด็กเหล่านี้มีอะไรบ้าง

แน่นอนว่าการได้เด็กฝึกงานเข้ามาก็เท่ากับมีผู้ช่วยคนสำคัญ ที่จะเข้ามาช่วยให้งานบางอย่างสำเร็จได้เร็วขึ้นแม้ช่วงแรกอาจต้องใช้เวลาในการสอนงานเล็กน้อย แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อเด็กเหล่านี้จับจุดงานที่ต้องทำได้เมื่อไหร่ ความสามารถบางอย่างของเขาที่คุณมองข้ามอาจช่วยช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานของคุณ หรือช่วยให้คุณทำงานออกมาสำเร็จได้อย่างราบรื่นมากขึ้นก็ได้

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถรอบด้านแต่ละคนย่อมมีความรู้ ความสามารถบางอย่างที่คนอื่นรู้ไม่เท่าหรือทำได้ไม่ดีเท่า นี่จึงเป็นโอกาสที่องค์กรของคุณจะได้รับความรู้และมุมมองที่แปลกใหม่ ที่คุณไม่เคยรู้ ไม่ถนัด หรือไม่คุ้นเคย แต่การจะได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้อย่าลืมให้พื้นที่ในห้องประชุมรวมทั้งเปิดโอกาสในการแสดงความคิดเห็นแก่นศ.เหล่านี้ด้วยเพราะแม้ว่าจะกล้าเสนอความคิดเห็นในที่ประชุม แต่ไอเดียและมุมมองเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดต่อผ่านพี่เลี้ยงหรือหัวหน้างานหลังการประชุมแน่นอน

และนี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะฝึกให้พนักงานของคุณได้พัฒนาทักษะการสื่อสารและทักษะด้านการเป็นผู้นำที่ดีผ่านการเป็นที่ปรึกษา และสอนงานนักศึกษาในการทำงานแต่ละขั้นตอน ตั้งเริ่มจนงานสำเร็จออกมาได้ ซึ่งถือว่าเป็นทักษะที่สำคัญมากในการทำงาน และการทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้าได้

และในอนาคตอันใกล้องค์กรอาจได้พนักงานประจำที่มีความสามารถ เพราะช่วงที่เด็กเหล่านี้เข้ามาฝึกงาน ก็เปรียบเสมือนช่วงทดลองงานว่าเขามีความสามารถมากแค่ไหน เข้ากับคนในทีมปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้ดีแค่ไหน ถ้าเด็กเหล่านี้สามารถผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ก็สามารถเสนอตำแหน่งงานที่เหมาะสมให้หลังจบการศึกษานอกจากไม่ต้องเสียเวลามองหาพนักงานใหม่แล้วก็ไม่ต้องเสี่ยงว่าเขาจะทำงานออกมาได้ดีหรือไม่ เพราะเด็กเหล่านี้เข้าใจและเรียนรู้ระบบการทำงาน และวัฒนธรรมบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แล้วจะทำอย่างไรล่ะ องค์กรถึงจะสามารถดึงศักยภาพของเด็กเหล่านี้ออกมาได้อย่างเต็มที่ ก่อนอื่นก็ต้องคัดสรรเด็กที่จะเข้ามาฝึกให้ตรงกับงานที่ต้องการ โดยดูจากทักษะ ความสามารถ คุณสมบัติ และลักษณะนิสัยที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อองค์กรมากที่สุด  ขั้นตอนต่อไปก็คือการมองหาช่องทางที่จะทำให้คุณได้นักศึกษาฝึกงานที่มีคุณภาพและมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การลงประกาศผ่านทางเว็บไซต์หางาน หรือการติดต่อไปที่มหาวิทยาลัยและคณะที่คุณต้องการโดยตรง รวมไปถึงการติดต่อผ่านทางองค์กรที่เป็นสื่อกลางในการช่วยประสานงานระหว่างนักศึกษาที่ต้องการหาที่ฝึกงานและบริษัทที่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เข้ามาฝึกงาน

และขั้นตอนสำคัญที่สุดก็คือ เมื่อได้นักศึกษาฝึกงานเข้ามาแล้ว อย่าลืมทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในทีม แนะนำสิ่งต่าง ๆ ที่เขาจำเป็นต้องเรียนรู้ โดยเฉพาะทักษะด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน  รวมทั้งมอบหมายงานที่จะทำให้เขาได้ใช้ความสามารถที่เขามี ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาศักยภาพและทักษะในการทำงานของเขาด้วย เพื่อที่การฝึกงานของเขาจะไม่เป็นการเสียเวลา และเปลืองทรัพยากรในด้านต่าง ๆ ไปโดยใช่เหตุ