บางคนหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง ในขณะที่บางคนทำธุรกิจไหนก็ไม่รอดสักที อะไรคือความต่างระหว่างคน 2 กลุ่มนี้? ทำไมคนบางคนถึงไม่ประสบความสำเร็จสักที แม้จะเริ่มใหม่สักกี่ครั้งก็ตาม?
- ขยันไม่พอ
การทำธุรกิจ ตอนเริ่มไม่ยาก แต่จะให้สำเร็จต้องใช้ความพยายามที่มากกว่าตอนเริ่มเยอะ จึงไม่เหมาะกับคนรักสบาย บางคนคิดอยากทำธุรกิจ เพียงเพราะเห็นคนอื่นทำแล้วดู “สบายดี” ก็เลยเลือกขายของที่ดูง่าย ๆ วางกลยุทธ์แบบมักง่าย ทำอะไรตามคนอื่น ไม่พัฒนาสินค้าหรือบริการ ตัดสินใจโดยเน้นเอาความง่ายเข้าว่า ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ยากจะสำเร็จได้
- ยอมแพ้ง่ายเกิน
ไม่มีธุรกิจไหนที่รวยเละเทะโดยไม่ผ่านอุปสรรคอะไรเลย แต่บางคนโฟกัสแค่ความสวยหรูหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว พอเจอปัญหาเข้าก็ด่วนตัดสินว่าตัวเองเลือกเดินทางผิด กลัวเจ็บตัว ก็เลยรีบถอดใจไปซะก่อน สุดท้ายเลยไม่เคยไปถึงจุดหมาย
- ไม่มั่นใจในตัวเอง
เมื่อเจอปัญหา หรือตัดสินใจผิดพลาด บางคนก็ด่วนตัดสินว่าตัวเองไม่เหมาะกับการทำธุรกิจ ฉลาดไม่พอ ไม่มีพรสวรรค์ ไม่เชื่อว่าตัวเองพัฒนาได้ ทำให้ขาดกำลังใจที่จะสู้ต่อ ทั้งที่ความจริงนักธุรกิจทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่แรก ล้วนต้องผ่านการเรียนรู้ฝึกฝนมาแล้วทั้งนั้น
- มั่นใจในตัวเองมากเกินไป
บางคนทำธุรกิจโดยหลงรักไอเดียของตัวเอง เชื่อมั่นในความคิดตัวเองมากเกินไป เชื่อว่าสินค้าของตัวเองสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว โดยไม่รับฟังความเห็นของคนอื่น สุดท้ายจึงไม่สามารถก้าวข้ามจุดอ่อนของตัวเองไปได้
- ไม่ได้รักในสิ่งที่ทำ
นักธุรกิจบางคนหวังแต่จะเอาเงิน แต่ไม่ได้มีความรักหรือความภูมิใจในสินค้าหรือบริการของตัวเองเลย เมื่อไม่รัก จึงไม่ได้ใส่ใจดูแล สุดท้ายธุรกิจก็จะถูกปล่อยให้ผุพังเหมือนต้นไม้ที่ขาดการรดน้ำ
- ไม่มีความหวังดีต่อลูกค้า
ทุกธุรกิจอยู่ได้ก็ด้วยความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ คนบางคนไม่เหมาะกับการทำธุรกิจ เพราะใจไม่เคยคิดหวังดีกับลูกค้า คอยจ้องหาโอกาสเอาเปรียบคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ทัศนคติแบบนี้ไม่สามารถพาธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนได้เลย
อ่าน 6 ข้อนี้แล้ว นึกถึงคนบางคนขึ้นมาแว้บ ๆ รึเปล่าเอ่ย… เอาเป็นว่าเก็บไว้เตือนตัวเองก็แล้วกันครับ ว่าอย่าเผลอทำให้ตัวเองกลายเป็นคน ๆ นั้นไปซะเอง