ธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย การเริ่มธุรกิจยิ่งไม่ง่ายเข้าไปกันใหญ่ คำนี้ยังใช้ได้กับการเริ่มต้นทำธุรกิจอยู่หรือหรือเปล่า ในเมื่อหากมองอีกมุมหนึ่ง จะเห็นได้ว่าการเริ่มทำสักธุรกิจในปัจุบันอาจไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ นั่นเพราะปัจุบันโลกกำลังอยูในช่วงเวลาที่การทำธุรกิจเป็นเรื่องง่ายโดยเฉพาะ SME หรือ Start up ที่คิดจะขายสินค้าในช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ เพราะมี “ระบบนิเวศ” (Ecosystem) ที่เพียบพร้อม ซึ่งสามารถทำให้คนธรรมดาคนหนึ่งสามารถเดินเข้ามาสู่แวดวงธุรกิจได้ง่ายขึ้น เช่น ตัดสินใจจะนำกระเป๋าแฟชั่นมาขาย ถ้าเป็นยุคก่อนที่โลกจะรู้จักอินเตอร์เน็ตก็คงต้องใช้วิธีตะล่อมถามพ่อค้าแม่ขายว่ารับกระเป๋าใบสวยมาจากที่ไหน เมื่อได้สินค้ามาแล้วก็ต้องวิ่งวุ่นหาพื้นที่ขายหรือวัดดวงจับสลากเพื่อให้ได้สิทธืเช่าพื้นที่ จากนั้นก็ต้องลงทุนตกแต่งหน้าร้านให้สวยงามเพื่อดึงดูดลูกค้า
แต่ในยุคปัจุบันที่โลกรู้จักอินเตอร์เน็ต แค่คลิกเข้าไปที่ Google ข้อมูลร้านค้าส่งหลายร้อยร้านค้าก็มาอยู่ในมือเราในเวลาแค่ไม่กี่วินาที จากนั้นก็ส่งข้อความติดต่อจากผ่านไลน์ เฟชบุ๊คหรือแอพลิเคชั่นอื่นๆไปยังเจ้าของร้านเพื่อสั่งของ จ่ายเงินผ่าน Mobile Banking และนอนชิลๆรอรับสินค้ามาส่งที่หน้าประตูบ้านผ่าน Kerry Express เมื่อได้สินค้ามาเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อมาก็คือถ่ายภาพสินค้าให้สวยงามและใช้ฟิลเตอร์ตกแต่งให้ดูเป็นมืออาชีพง่ายๆ ด้วยโทรศัพท์ Smartphone และโพสท์ขายสินค้าในช่องทาง Social Media เช่น Facebook หรือ Instragram เห็นไหมว่าการเริ่มต้นธุรกิจในวันนั้นกับวันนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อการเริ่มต้นธุรกิจไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากอีกต่อไป การขยายออกไปหาโอกาสธุรกิจบนพื้นที่ใหม่ๆ หรือที่เป็นภาษาพูดว่า “การทำธุรกิจหลายอย่าง” ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญหลอมรวมกับความตั้งใจ แล้วจึงผสมเข้ากับ “อะไรบางอย่าง” แล้ว “อะไรบางอย่าง” ที่ว่านั้น มันคืออะไรกัน?
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ นายกสมาคม E-COMMERCE เปิดเผยแง่คิดที่น่าสนใจว่า ก้าวแรกของการย้ายฝั่งจากคนธรรมดามาสู่ฝั่งของผู้ประกอบการนั้น เป็นธรรมดาที่คนส่วนใหญ่จะเริ่มต้นโดยใช้สัญชาตญาณเข้ากับธุรกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเติบโต เมื่อมีคนเพิ่มขึ้นขนาดธุรกิจใหญ่ขึ้น คงจะเป็นเรื่องไม่เข้าท่าที่ผู้ก่อตั้งจะต้องตัดสินใจไปซะทุกอย่าง ตั้งแต่การเลือกซื้อน้ำยาถูพื้นไปจนถึงแผนการตลาด
“ก่อนที่จะบริหารธุรกิจได้ แน่นอนว่าเราต้องเริ่มจากการบริหารตนเองให้ได้ซะก่อน โดยเริ่มจากการใส่ใจกับ “แผนธุรกิจ” (Business Plan) สิ่งที่หลายๆ คนมองข้ามไปแต่เป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ เพราะคนทำธุรกิจแต่ไม่ให้ความสำคัญกับ Business Plan ท้ายที่สุดก้จะเป็นเพียงผู้บริหารที่มีแต่กลยุทธ์จุดหมาย แต่ไม่มีแผนที่แนวทางว่าควรจะเดินไปในทิศทางไหน”
Business Plan เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ริเริ่มจะก่อตั้งกิจการ ถ้าเปรียบว่าแผนที่ที่ดีย่อมจะให้รายละเอียดถนนหนทางในทิศทางที่ชัดเจนแล้ว แผนธุรกิจก็ไม่ต่างกัน แผนที่ดีจะสามารถแสดงให้เห็นรายละเอียดเพียงพอที่จะชี้แนะขั้นตอนต่างๆ ที่จะชี้นำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ และในทางตรงข้ามแผนธุรกิจนั้นสามารถชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนและข้อควรระวังด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญในการนำเสนอวัตถุประสงค์ แนวคิดและปรัชญาของธุรกิจอย่างชัดเจนของธุรกิจ ให้กับผู้ที่สนใจร่วมลงทุนตัดสินใจง่ายขึ้นได้ว่าควรจะร่วมลงทุนกับธุรกิจของเราหรือไม่ และเพื่อป้องกันการไม่ลงรอยกันในอนาคต
ในส่วนของการเขียนแผนธุรกิจนั้น มีกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อนพอสมควร เพราะจะต้องลงรายละเอียดในด้านต่างๆ เพื่อตอบคำถามของธุรกิจใน 4 ข้อหลักๆ นั่นคือ
- ทำสินค้าอะไร? (What)
- ทำขายใคร? (Who)
- ทำอย่างไร? (How)
- ทำเงินอย่างไร? (Money)
แต่ถ้าผู้ประกอบการสามารถจัดทำ Business Plan ออกมาได้แล้ว ก็จะสามารถควบคุมกิจการในเชิงนโยบายได้โดยที่ไม่ต้องลงไปปฎิบัติเองในทุกขั้นตอน และมีเวลาในการมองหาธุรกิจใหม่มาเสริมพร์อตให้กับองค์กรเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต และท้ายที่สุดก็จะสามารถสร้าง “ระบบ” ที่จะมาทำงานแทนในวันที่คุณหยุดพักผ่อนได้อีกด้วย
